14 คำศัพท์ที่ต้องรู้ ก่อนซื้อประกันรถยนต์
14 คำศัพท์ที่ต้องรู้ ก่อนซื้อประกันรถยนต์ |
เมื่อซื้อประกันรถยนต์ทุกคนอาจจะสับสนและไม่เข้าใจเมื่อเห็นตารางกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ |
ศัพท์ประกันภัยที่คนทำประกันรถควรรู้ |
1. กรมธรรม์ (Policy) หมายถึง หนังสือสัญญาข้อตกลงของผู้เอาประกัน กับ บริษัทประกันภัย ที่ออกโดยบริษัทประกัน เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการระบุข้อตกลง เงื่อนไขและความคุ้มครองตามสัญญาประกัน ซึ่งรายละเอียดสำคัญที่ถูกระบุไว้ เช่น ประกันรถประเภทไหน ทุนประกันเท่าไร เป็นต้น นอกจากที่กล่าวมาแล้ว ยังมีรายละเอียดอีกมากมายที่ถูกระบุเอาไว้ในกรมธรรม์ |
2. เลขที่กรมธรรม์ (Policy Number) หมายถึง รหัสที่ระบุว่าเป็นประกันรถประเภทไหน รวมไปถึงเป็นรหัสตัวแทนที่ขายและเลขรันนัมเบอร์ |
3. ทุนประกัน (Sum Insured) คือ จำนวนเงินสูงสุดที่บริษัทประกันภัยต้องชดใช้ให้กับผู้ทำประกันรถยนต์ ในกรณีที่มีการเกิดอุบัติเหตุขึ้นและอยู่ในข้อตกลงตามเงื่อนไขที่กรมธรรม์ระบุไว้ โดยจำนวนเงินที่บริษัทประกันชดใช้ให้จะไม่เกินจำนวนเงินที่ระบุเอาไว้ในกรมธรรม์ |
4. เบี้ยประกัน (Premium) คือ จำนวนเงินที่ผู้ทำประกันรถต้องจ่ายให้กับบริษัทประกัน เพื่อเป็นค่าทำประกันรถยนต์ เพราะสัญญาประกันรถเป็นสัญญาต่างตอบแทน เมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้นผู้ที่ทำประกันรถยนต์จะได้รับค่าสินไหมทดแทน แต่หากไม่ได้จ่ายเบี้ยประกันหรือค้างชำระเบี้ยประกัน ทางบริษัทประกันอาจไม่จ่ายค่าสินไหมทดแทนให้ จนกว่าจะจ่ายเบี้ยประกันตามที่ได้ตกลงไว้ในสัญญา |
5. ค่าสินไหมทดแทน (Claim Amount) คือ ค่าชดเชยความเสียหายที่เกิดขึ้นกับตัวผู้ทำประกันรถ ที่เรียกร้องจากบริษัทประกันภัยให้รับผิดชอบ โดยความเสียหายที่เกิดขึ้นต้องอยู่ในเงื่อนไขที่ระบุเอาไว้ในกรมธรรม์ และเป็นค่าเสียหายตามจริงเท่านั้น |
6. ผู้เอาประกัน (The Insured) หมายถึง ผู้ที่ทำประกันรถ ซึ่งมีหน้าที่จ่ายค่าเบี้ยประกันให้กับบริษัทประกัน เพื่อรับความคุ้มครองจากบริษัทประกัน ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุขึ้นทางผู้เอาประกันสามารถเรียกร้องสิทธิ์ ค่าสินไหมทดแทนหรือชดใช้ในส่วนอื่นๆ จากบริษัทประกันได้ แต่ต้องไม่เกินจากที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ที่ทำ รวมไปถึงต้องเป็นไปตามความเสียหายที่เกิดขึ้นจริง |
7. ผู้รับประกัน (The Insurer) คือ บริษัทประกันภัยที่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายจากกรมการประกันภัย กระทรวงพาณิชย์ โดยผู้รับประกันจะมีสิทธิรับค่าเบี้ยประกันและพิจารณารับประกันภัย รวมถึงชดใช้ค่าเสียหายเมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้นตามข้อตกลงที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ ซึ่งในส่วนของการชดใช้จากบริษัทประกันนั้น จะชดใช้เป็นเงินสด หรือการซ่อมแซมสิ่งของให้กลับมาอยู่ในสภาพเดิม รวมทั้งหาของชิ้นใหม่มาเปลี่ยนแทนที่ของเดิมที่เสียไปด้วย |
8. ผู้รับประโยชน์ (The Beneficiary) คือ บุคคลภายนอกกรมธรรม์ที่มีสิทธิได้รับค่าชดใช้จากบริษัทประกันในกรณีที่รถยนต์ได้รับความเสียหาย ซึ่งปกติแล้วผู้รับประโยชน์จะเป็นชื่อเดียวกับผู้ที่เอาประกันรถ แต่ก็สามารถให้ผู้อื่นที่ถูกระบุชื่อไว้ในกรมธรรม์เป็นคนรับก็ได้เช่นกัน |
9. วินาศภัย หมายถึง ความเสียหายต่างๆ ที่เกิดขึ้นและสามารถประเมินเป็นจำนวนเงินได้ รวมไปถึงความสูญเสียในสิทธิหรือผลประโยชน์อีกด้วย |
10. ประกันตัวผู้ขับขี่ หมายถึง เหตุการณ์ที่เกิดอุบัติเหตุขึ้นจนเป็นคดีความและถึงขั้นเสียชีวิต หากเราเป็นฝ่ายผิดและถูกควบคุมตัว ในส่วนนี้บริษัทประกันจะทำเรื่องประกันตัวผู้ขับขี่ เพื่อรอขึ้นศาลและต่อสู้คดีในชั้นศาลต่อไป |
11. ส่วนลดประวัติดี หมายถึง ส่วนลดที่ได้รับในกรณีที่รถที่ทำประกันรถยนต์ไม่เคยมีประวัติการเคลมรถมาก่อน หรือเกิดอุบัติเหตุแต่ไม่ใช่ฝ่ายผิดในปีนั้นๆ ซึ่งในแต่ละปีจะได้รับส่วนลดที่ไม่เท่ากัน โดยในปีแรกจะได้รับส่วนลด 20% หากในปีต่อไปไม่มีประวัติการเคลมรถ ทางบริษัทประกันจะเพิ่มส่วนลดให้ 10% ทุกๆ ปี สูงสุดไม่เกิน 50% |
12. การต่ออายุ (Renewal) หมายถึง การต่ออายุของกรมธรรม์ประกันรถ เนื่องจากในแต่ละกรมธรรม์จะมีกำหนดระยะเวลาให้ความคุ้มครองเอาไว้ โดยมาตรฐานส่วนใหญ่จะกำหนดไว้ที่ 1 ปี ซึ่งหากครบกำหนดตามระยะเวลาแล้ว ต้องทำการต่ออายุของกรมธรรม์เพื่อให้ได้รับความคุ้มครองต่อไปนั่นเอง |
13. เลขตัวถัง หมายถึง เลขตัวถังประจำรถที่ระบุว่ารถยนต์คันนั้นผลิตที่ไหน ผลิตเมื่อไร รวมถึงรายละเอียดของรถยนต์คันนั้นๆ ด้วย ซึ่งในเรื่องของการเคลมประกันรถหรือแจ้งปัญหาต่างๆ เกี่ยวกับกรมธรรม์ เลขตัวถังมีความสำคัญเทียบเท่ากับเลขทะเบียนเลยก็ว่าได้ เนื่องจากเป็นเครื่องยืนยันที่ช่วยระบุว่ารถยนต์คันดังกล่าวมีอยู่จริง |
14. ความเสียหายต่อบุคคลภายนอก หมายถึง ค่าสินไหมทดแทนที่ทางบริษัทประกันรถยนต์จะต้องชดเชยให้กับบุคคลภายนอก ที่ได้รับผลกระทบหรือความเสียหายจากการกระทำของผู้เอาประกันรถ |